ที่โรงเรียนใบบุญลำพูน นอกจากความรู้ทักษะทางวิชาการแล้ว นักเรียนจะได้รับการเตรียมความพร้อมให้มีทักษะและพัฒนาการการเรียนรู้ตามวัย โดยมีการผสมผสานความรู้และทักษะในกิจกรรมต่างๆ เรียนและเล่นอย่างครบถ้วน อาทิเช่น
โรงเรียนใบบุญลำพูน มุ่งหวังให้นักเรียนเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ มีความเฉลียวฉลาด สามารถดูแลตัวเองและช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างเหมาะสมตามวัย มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง มีน้ำใจ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข มีความเป็นมนุษย์ที่พร้อมจะพัฒนาและเติบโตต่อไปในสังคมได้
เราได้นำแนวทางในการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของการจัดประสบการณ์ในระดับปฐมวัย ซึ่งเป็นการจัดประสบการณ์ที่เน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง และมีความสอดคล้องกับหลักการเรียนรู้ของสมอง คือ “กิจกรรมหลัก 6 กิจกรรม” ซึ่งประกอบด้วย กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ กิจกรรมเสริมประสบการณ์ กิจกรรมสร้างสรรค์ กิจกรรมเสรี กิจกรรมกลางแจ้ง และกิจกรรมเกมการศึกษา
ช่วงปฐมวัยเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการพัฒนาทักษะเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ซึ่งจะช่วยพัฒนาระบบความสัมพันธ์ของประสาทสัมผัส เด็กต้องพัฒนาความสามารถในการใช้ตา มือ เท้า และประสาทรับความรู้สึกต่างๆ ให้สัมพันธ์กัน การเคลื่อนไหวร่างกายของเด็กเป็นการเตรียมสมรรถนะของร่างกายทุกส่วนเพื่อใช้ประโยชน์ในการมีชีวิตอยู่ และพร้อมกันนั้นการเคลื่อนไหวร่างกายก็พัฒนาความสามารถของสมองอันเป็นเครื่องมือของการเรียนรู้ไปด้วย
กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกายตามจังหวะอย่างอิสระ โดยใช้เสียงเพลง คำคล้องจอง เครื่องเคาะจังหวะ และอุปกรณ์อื่นๆประกอบการเคลื่อนไหว เพื่อส่งเสริมให้เด็กเกิดจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ รู้จังหวะ และความคุมการเคลื่อนไหวของตนเองได้
กระบวนการให้สมองเรียนรู้ที่จะให้ความหมายสิ่งที่เห็น สิ่งที่เผชิญ ตีความ และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งต่างๆ ที่รับรู้มา เป็นการพัฒนากระบวนการคิดของเด็ก ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลจากการรับรู้ของสมองจำนวนมาก ถ้าไม่มีข้อมูลในความทรงจำ ก็ไม่สามารถคิดอะไรออกมาได้ ดังนั้นกระบวนการพัฒนาการคิดของของเด็กจึงต้องมุ่งเน้นให้เด็กได้มีประสบการณ์ที่ต้องใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า สิ่งที่ก่อรูปในการคิดของเด็กเริ่มต้นที่การจับต้อง สัมผัส และมีประสบการณ์โดยตรง สมองรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า แล้วก่อรูปเป็นวงจรแห่งการคิดขึ้นมาในสมอง ประสบการณ์ของเด็กผ่านการสัมผัส การชิม การดมกลิ่น การได้ยิน และการเห็น จึงเป็นพื้นฐานของการสร้างความหมายให้แก่สิ่งต่างๆ
กิจกรรมเสริมประสบการณ์ เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เด็กได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ ฝึกการทำงานและอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มทั้งกลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ กิจกรรมที่จัดมุ่งฝึกให้เด็กได้มีโอกาสฟัง พูด สังเกต คิดแก้ปัญหา ใช้เหตุผล และฝึกปฏิบัติเพื่อให้เกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับเรื่องที่เรียน โดยจัดกิจกรรมด้วยวิธีต่างๆ เช่น สนทนา อภิปราย เล่านิทาน สาธิต ทดลอง ศึกษานอกสถานที่ เล่นบทบาทสมมติ ร้องเพลง เล่นเกม เป็นต้น
ศิลปะคือกระบวนการที่สมองถอดความคิดออกมาเป็นภาพและชิ้นงานต่างๆ กระบวนการพัฒนาศิลปะและการสร้างสรรค์ของเด็กจึงเน้นให้เด็กคิดและลงมือทำออกมา เมื่อเด็กทำงานศิลปะ เด็กจะเกิดการเชื่อมโยงในสมอง คิดจินตนาการ และผลโดยตรงที่เด็กได้รับ คือ ความรู้สึกพอใจ มีความสุข และได้สัมผัสสุนทรียะของโลกตั้งแต่วัยเยาว์ การแสดงออกทางศิลปะจึงเปรียบเสมือนการสร้างจินตนาการเป็นรูปร่างภายนอกแล้วป้อนกลับเข้าสู่สมอง เป็นการทำให้สมองได้จัดการกับจินตนาการต่างๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ยิ่งทำ ยิ่งจัดระบบความคิดได้ดีขึ้น
กิจกรรมสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กได้แสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และจินตนาการโดยใช้ศิลปะ เช่น การเขียนภาพ การปั้น การฉีกปะ ตัดปะ การพิมพ์ภาพ การร้อย การประดิษฐ์ หรือวิธีการอื่นๆ ที่เด็กได้คิดสร้างสรรค์ ได้รับรู้เกี่ยวกับความงาม และได้แสดงออกทางความรู้สึก และความสามารถของตนเอง
สมองจะเรียนรู้ได้ดีเมื่อมีสิ่งจูงใจที่ชักนำให้สมองสนใจผลิตความรู้ สมองจะมีกระบวนการเลือกคัดกรองเฉพาะสิ่งที่น่าสนใจเท่านั้นเข้าสู่การรับรู้ของสมอง
กิจกรรมเสรี เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กเล่นกับสื่อและเครื่องเล่นอย่างอิสระตามมุมเล่น หรือมุมประสบการณ์ หรือศูนย์การเรียนที่จัดไว้ โดยให้เด็กมีโอกาสเลือกเล่นได้อย่างเสรีตามความสนใจและความต้องการของเด็ก ทั้งเป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม ลักษณะของการเล่นของเด็กมีหลายลักษณะ เช่น การเล่นบทบาทสมมติและเล่นเลียนแบบ ในมุมบ้าน มุมหมอ มุมร้านค้า มุมวัด มุมเสริมสวย ฯลฯ การอ่านหรือดูภาพในมุมหนังสือ การเล่นสร้างในมุมบล็อก การสังเกตและทดลองในมุมวิทยาศาสตร์หรือมุมธรรมชาติ การเล่นฝึกทักษะต่างๆ ในมุมเครื่องเล่นสัมผัส หรือมุมของเล่น หรือมุมเกมการศึกษาเป็นต้น
กระบวนการพัฒนาร่างกายและการเคลื่อนไหวของเด็กจำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นอย่างเต็มที่ เพื่อให้ร่างกายทุกส่วนทั้งกล้ามเนื้อมัดใหญ่และกล้ามเนื้อมัดเล็กให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการเหล่านี้ต้องเน้นให้เด็กได้ใช้งานร่างกายให้ครบถ้วน และพัฒนาจนมีสมรรถนะดีเต็มตามศักยภาพของเด็ก นอกจากนี้การที่เด็กได้เล่น ไม่ว่าจะเป็นการหมุนตัว กระโดด คลาน กลิ้ง วิ่ง ไต่ ฯลฯ จะช่วยพัฒนาความสามารถในการรับรู้ระยะ มิติ มีการพัฒนาสมองให้สมดุลเป็นปกติ สิ่งที่เด็กเล่น เช่น การควบคุมท่าทางการเดิน การวิ่งแข่ง การเล่นกระบะทราย การเดินบนกระดานแผ่นเดียว ล้วนเป็นการทำซ้ำๆ ดัดแปลงท่าทางที่ไม่สมบูรณ์เพื่อสร้างสมองให้พร้อมสำหรับการใช้งานในวัยถัดไป
กิจกรรมกลางแจ้ง เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้มีโอกาสออกไปนอกห้องเรียนเพื่อออกกำลัง เคลื่อนไหวร่างกายและแสดงออกอย่างอิสระ โดยยึดความสนใจและความสามารถของเด็กแต่ละคนเป็นหลัก
กิจกรรมเกมการศึกษา เป็นเกมการเล่นที่ช่วยพัฒนาสติปัญญา มีกฎกติกาง่ายๆ เด็กสามารถเล่นคนเดียว หรือเล่นเป็นกลุ่มก็ได้ ช่วยให้เด็กรู้จักสังเกต คิดหาเหตุผล และเกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสี รูปร่าง จำนวน ประเภท และความสัมพันธ์เกี่ยวกับพื้นที่/ระยะ
การให้เด็กเล่นเกมการศึกษาเป็นกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาสมองด้านการคิด เมื่อเซลส์สมองถูกกระตุ้นด้วยสัญญาณต่างๆ เกิดเป็นข้อมูลจำนวนมาก การคิดจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลเหล่านั้นซึ่งจะกลายเป็นข้อมูลใหม่อีกชิ้นหนึ่งซึ่งซับซ้อนขึ้น การที่เด็กเล่นเกมการศึกษาจึงเป็นการกระตุ้นให้สมองได้จัดความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มีอยู่เดิม ทำให้เกิดความสัมพันธ์ของข้อมูลแบบใหม่ เมื่อเกิดซ้ำๆ กัน ก็จะเกิดความคงตัวในวงจรร่างแหของเซลส์สมองนั่นเอง
ทำไม ? ต้องเลือกอนุบาลที่ใบบุญลำพูน
เพราะที่ใบบุญลำพูน เราเน้นความสำคัญในการส่งเสริมให้เด็กพัฒนาเต็มตามศักยภาพของความเป็นมนุษย์ ทั้งร่างกายจิตใจ สังคม และสติปัญญา แบบองค์รวม โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล มุ่งส่งเสริมศักยภาพของเด็กเฉพาะตน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบของกิจกรรมที่เด็กสามารถเรียนรู้ได้โดยการลงมือทำ ค้นพบองค์ความรู้ด้วยตัวเองจากประสบการณ์จริง ก่อให้เกิดการเรียนรู้ เป็นการผสมผสานนวัตกรรมการสอนต่าง ๆ ได้แก่
1. โครงการ PROUD เป็นการจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งซึ่งให้ความสำคัญกับเด็ก ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยที่เด็กหรือครูร่วมกันกำหนดเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ แล้วดำเนินการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและจากแหล่งเรียนรู้
2.การเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (STEM) เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และบ่มเพาะความสามารถในการแก้ปัญหา เด็กๆ ไม่ควรได้เรียนรู้และสร้างคำอธิบายที่ “ถูกต้อง” สำหรับปรากฏการณ์ต่าง ๆ เพียงเท่านั้น พวกเขาควรได้มีส่วนร่วมในกระบวนการค้นคว้าด้วยการสืบเสาะเป็นฐาน ซึ่งสอดคล้องกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการนี้ประกอบด้วย การสังเกต การเปรียบเทียบ และการจำแนกประเภทที่เด็ก ๆ ใช้ในการสำรวจโลกรอบตัว
โดยทางโรงเรียนมีการกิจกรรมพัฒนาประสาทสัมผัสรับรู้ กิจกรรมทางภาษา กิจกรรมดนตรีและการเคลื่อนไหว กิจกรรมศิลปะ กีฬาและว่ายน้ำ ฯลฯ รวมถึงการเรียนรู้ที่อาศัยการบ่มเพาะและซึมซับผ่านกิจวัตรประจำวัน ที่สร้างให้เด็กเกิดการเรียนรู้และพัฒนาความรู้ความสามารถจากการปฏิบัติจริงจนชำนาญ สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างสรรพสิ่งและเห็นคุณค่าของสิ่งรอบตัว
กิจกรรมในห้องเรียนมีการเรียนรู้หลากหลายอย่างเกิดขึ้นไปพร้อมๆ กัน เด็กสามารถเลือกตามความสนใจเป็นส่วนใหญ่ แต่ครูจะชักชวนให้เด็กฝึกทักษะจากสื่อหลากหลาย และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ตามความพร้อมของเด็กแต่ละคน ทั้งเป็นกลุ่มใหญ่ กลุ่มเล็ก และรายบุคคลสลับกันไป โดยคำนึงถึงความแตกต่างของเด็กแต่ละคนในทุกด้าน เน้นให้เด็กๆ เรียนรู้อย่างมีความสุข กล้าพูดกล้าแสดงออก รักการเรียนรู้ ริเริ่มสร้างสรรค์ และมีคุณธรรมประจำใจ
การเสริมสร้างความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติควรเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก เนื่องจากขั้นตอนการเรียนรู้ภาษาของเด็กเกิดขึ้นจากสัญชาติญาณ เด็กที่มีโอกาสเรียนรู้ภาษาที่สองในขณะที่อายุยังน้อย มักจะใช้สัญชาตญาณในการเรียนภาษาที่มีอยู่ เด็กมีความสามารถที่จะเลียนแบบวิธีการออกเสียงมักจะออกเสียงคำต่างๆได้ดีและมีความรู้สึกถึงความเชื่อมโยงของภาษามากกว่าเด็กโตที่เรียนภาษาอังกฤาในภายหลัง ซึ่งเน้นการเรียนไวยากรณ์ตามหลักสูตร
การจัดการเรียนการสอน
การจัดการเรียนรู้ด้วยหลักสูตรภาษาอังกฤษระดับปฐมวัยที่มีเนื้อหาสาระแบบเข้มข้นตามาตรฐานของโรงเรียนใบบุญลำพูน และพัฒนาทักษะกระบวนการเรียนรู้อย่างหลากหลาย เน้นการลงมือปฏิบะติกิจกรรมของผู้เรียน (learning by doing, hands on activities) โดยครุผู้สอนชาวต่างชาติผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้สอนหลัก และมีครูชายไทยเป็นผู้ช่วยสอนเพื่อช่วยดูแลนักเรียนในด้านต่างๆ
ในแต่ละสัปดาห์ นักเรียน IEPK จะได้เรียนวิชา Core English 5 คาบ และ language art 1 คาบ
นอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียน นักเรียนจะได้เข้าร่วมกิจกรรมเสริมหลักสูตรเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนได้นำทักษะภาษาอังกฤษไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน เช่น
การเรียนรู้นอกสถานที่
กิจกรรมค่ายภาษาอังกฤษ เป็นต้น
ผลที่คาดว่าจะได้รับ